ประวัติ ของ ฮิการุ อูตาดะ

ชีวิตในวัยเด็กและการเริ่มต้น

ฮิการุ อูตาดะเกิดในเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาจากพ่อแม่ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมเพลงของญี่ปุ่น พ่อของเธอชื่ออูตาดะ เทรูซาเนะ (ญี่ปุ่น: 宇多田 照實 โรมาจิUtada Teruzane) ทำงานเป็นโปรดิวเซอร์เพลงอยู่ในเมืองนิวยอร์ก แม่ชื่ออาเบะ จุงโกะ (ญี่ปุ่น: 阿部 純子 โรมาจิAbe Junko) อดีตเคยเป็นนักร้องชื่อดังคนหนึ่งปี ค.ศ. 1970 - ค.ศ. 1979 ชื่อในวงการของเธอคือฟูจิ เคโกะ (ญี่ปุ่น: 藤 圭子 โรมาจิFuji Keiko) ตาและยายเป็นนักร้องเพลงญี่ปุ่นโบราณ (โรเกียวกุ) และเพลงมินโย ร้องเพลงอยู่ทั่วฮกไกโดและโฮโตกุ อูตาดะมีผลงานการบันทึกเสียงกับแม่ครั้งแรกเมื่อมีอายุได้ 12 ปี และวางจำหน่ายผลงานเพลงในชื่อ ยูทรี (หมายความว่า อูตาดะหมายเลข 3) จนกระทั่ง ค.ศ. 1996 เธอได้เริ่มทำงานเพลงเดี่ยวชื่อ "ไอว์บี สตรองเกอร์" ซึ่งเป็นผลงานเพลงแรกที่เธอได้แต่งเนื้อร้องขึ้นเอง โดยมีนามปากกาว่า "คิวบิกยู" แต่ผลงานไม่ได้ถูกวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาแต่อย่างใด จนสร้างความไม่แน่ใจในการทำงานเพลงของเธอ แต่ในที่สุด โครสทูยู ซิงเกิลเปิดตัวของเธอก็ได้วางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1997 และได้วางจำหน่ายอัลบั้มเปิดตัวอย่าง พรีเชียส ในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1998 และวางจำหน่ายซ้ำอีกครั้งเมื่อ 31 มีนาคม ค.ศ. 1999 โดยยอดวางจำหน่ายอยู่ที่ 702,060 แผ่น

1998 - 2003 : ประสบความสำเร็จทั่วญี่ปุ่น

อูตาดะย้ายกลับมาอยู่ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในปลายปี ค.ศ. 1998 โดยทำสัญญากับโตชิบา-อีเอ็มไอในการออกผลงานซิงเกิลและอัลบั้มทั้งหมด โดยการเข้ามาในวงการเพลงของเธอเพื่อเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงต่างจากนักร้องคนอื่นที่ต้องการเข้ามาในวงการเพื่อได้รับความนิยมและมีชื่อเสียง[1] ซิงเกิลภาษาญี่ปุ่นแรกคือ ออโตแมติก/ไทม์วิลเทล ซึ่งมียอดวางจำหน่ายมากกว่า 2 ล้านแผ่น[2] และ มูวฟ์วิน' อินวิทเอาท์ยู ก็มียอดวางจำหน่ายกว่า 1 ล้านแผ่น และอัลบั้ม เฟิสต์เลิฟ ซึ่งเป็นอัลบั้มภาษาญี่ปุ่นแรกของเธอมียอดวางจำหน่ายสูงกว่า 7 ล้านแผ่นในญี่ปุ่นและ 3 ล้านแผ่นในต่างประเทศ ซิงเกิลเฟิสต์เลิฟที่วางจำหน่ายถัดมาจากตัวอัลบั้มเปิดตัว ทำให้เธอถูกบันทึกว่าเป็นสุดยอดศิลปินอันดับ 5 ของการจัดอันดับศิลปินที่ดีที่สุดในคริสตวรรษที่ 20 [3] หลังจากนั้นอีก 2 ปีที่เธอหยุดการทำงานเบื้องหน้าเพื่อทำอัลบั้มใหม่ ดิสแทนส์ อัลบั้มเพลงภาษาญี่ปุ่นลำดับที่ 2 วางจำหน่ายในปี ค.ศ. 2001มียอดวางจำหน่ายสูงถึง 3 ล้านแผ่นในสัปดาห์แรก[4] ในอัลบั้มประกอบไปด้วยซิงเกิลที่ได้รับความนิยมอย่าง แอดดิกเทตทูยู เวต & ซี:ริค ฟอร์ยู / ไทม์ลิมิตและแคนยูคีปอะซีเครต? ดิสแทนส์ จึงกลายเป็นอัลบั้มที่ยอดวางจำหน่ายสูงที่สุดในปี ค.ศ. 2001 รวม 4.43 ล้านแผ่น แอดดิกเทตทูยู เป็นซิงเกิลที่ทำสถิติเป็นซิงเกิลจากศิลปินผู้หญิงที่มียอดวางจำหน่ายเกิน 1 ล้านแผ่นในสัปดาห์แรก เวต & ซี:ริคและแคนยูคีปอะซีเครต? ถูกจัดอันดับจากโอริกอนให้เป็นซิงเกิลที่มียอดวางจำหน่ายสูงสุดอันดับ 6 และ 10 ตามการจัดลำดับซิงเกิลที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1999 - 24 เมษายน ค.ศ. 2006[5][5]

2004 - 2005 : เปิดสู่ตลาดต่างประเทศ

อัลบั้มรวมซิงเกิ้ลแรกของเธอที่ชื่อ Utada Hikaru Single Collection Vol.1 ออกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2004 นั้นกลายเป็นอัลบั้มขายดีที่สุดของปี 2004 ในประเทศญี่ปุ่น ทำให้เธอเป็นศิลปินเดี่ยวที่ทำรายได้และยอดขายเป็นอันดับที่1 สี่ครั้งในชาร์ประจำปี และยังเป็นอัลบั้มที่รวมผลงานอัลบัมแรกที่ทำยอดขายเป็นอันดับที่1 ในรอบหกปี, และเป็นอัมบัมรวมของศิลปินหญิงอัลบั้มแรกที่ติด 1 ในตลอดระยะเวลา26ปี. แม้จะอัลบัมนี้จะประสบความสำเร็จแต่อัลบั้มนี้ได้รับการโปรโมทที่น้อยมาก และไม่มีเพลงหรือภาพใหม่เลย; นอกจากนี้อัลบัมนี้ยังชาร์ตของ Oricon นานกว่าผลงานอื่นๆของ Utada นับจากวันที่ปล่อยผลงานออกมา (กว่า 2 ปี) อัลบั้มขายได้มากกว่า 2,575,000 หน่วยในประเทศญี่ปุ่นทำให้เป็น 34 อัลบั้มที่ขายดีที่สุดตลอดกาลในประเทศ. เดือนต่อมาเมื่อวันที่ 21 เมษายนเธอได้ออกผลงานที่ญี่ปุ่นในปีเดียวกัน (2004) ซึ่งมีชื่อว่า "誰かの願いが叶うころ(Dareka no Negai ga Kanau Koro)"ซึ่งขึ้นอันดับ1 สำหรับซิงเกิ้ลสองสัปดาห์ติดต่อกัน และขายได้ 365,000 แผ่นภายในสิ้นปีและยังเป็นเพลงธีมหลักสำหรับหนังฝีมือสามีเก่าของเธอเป็นผู้กำกับเรื่อง Casshern

ในช่วงกลางปี 2004, Utada ได้ย้ายกลับไปที่ New York และเริ่มทำงานเพลงสากลและเซ็ญสัญญาภายใต้ค่าย Island Def Jam Music Group ในวันที่ตุลาคม 5, 2004, เธอได้ออกอัลบั้มเปิดตัวครั้งแรกที่อเมริกาเป็นภาษาอังกฤษที่ชื่อว่า "Exodus" ภายใต้ชื่อ "อูตาดะ" ภายใต้สังกัด Universal. มันได้เปิดตัว1เดือนล่วงหน้า และวางแผงในวันที่ 9 กันยายนในประเทศญี่ปุ่นแถมพร้อมกับหนังสือเล่มพิเศษ ในการสัมภาษณ์ MTV, Utada กล่าวว่า "ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่ฉันต้องกังวลกับมัน จะเห็นได้ชัดว่า ฉันมองในจุดที่แตกต่างอนึ่งมันยากมากๆ ที่จะหาคนเอเชียที่ประสปผลสำเร็จในฝั่งอเมริกาตอนนี้." Exodus เป็นซิงเกิลที่สี่ติดต่อกันของ Utada ที่ไปเปิดตัวที่ 1 จำนวนยอดขาย 500,000 ชุดในสัปดาห์แรก ถึงแม้ที่จัดความช่วยเหลือของ Timbaland ในการผลิตและร่วมแต่งเพลงบางเพลงในอัลบัมกับศิลปินชาวอเมริกัน แต่ก็ไม่ค่อยจะประสปผลสำเร็จเท่าที่ควร โดยขายได้ 55,000 หน่วย โดยใช้ "Easy Breezy" เป็นซิงเกิลแรกที่ใช้ในการเปิดตัวในต้นเดือนสิงหาคมปี 2004, ทำอันดับสูงสุดได้ที่ 9 ของ Billboard Hot Dance / Club Airplay และตามด้วย "Devil Inside" ในเดือนและอีกสองสัปดาห์ต่อมา และอูตาดะก็ได้ขึ้นปกของนิตยสาร Interview magazine ฉบับในเดือนมิถุนายน ปี2005

"Exodus '04"ถูกปล่อย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2005 พร้อมกับเวอร์ชันremixes จาก Scumfrog, ริชาร์ด Vission, JJ Flores และ Peter Bailey, ในสหราชอาณาจักรเพิ่มอีก 2 remixes คือ "You Make Me Want to Be a Man" จากอัลบั้ม Exodus'04 โดยใช้ชื่อว่า "You Make Me Want to Be a Man [Bloodshy & Avant Mix]" และ "You Make Me Want to Be a Man [Junior Jack Mix]. โดยในปลายปี Utada ได้รับการโหวต "Number 1 Favorite Artist of 2004" โดยสำรวจความคิดเห็นผู้อ่าน Oricon ประจำปี.

จากสี่ซิงเกิลในอัลบัมภาษาอังกฤษของเธอ "Exodus" "You Make Me Want to Be a Man" เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2005 "Devil Inside" กลายเป็นที่นิยมมากๆ ในสหรัฐอเมริกาและขึ้นอันดับ1 ของชาร์ต Billboard Hot Dance / Club Airplay และปกของทั้งอัลบัม Exodus และซิงเกิล "You Make Me Want to Be a Man" ที่วางขายที่สหราชอาณาจักรก็ได้มีการทำปกให้แตกต่างจากที่ขายในประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นรุ่นอีกด้วย

2005 - 2008 : กลับสู่ญี่ปุ่น

2009 - ปัจจุบัน : ตีตลาดอเมริกาเหนือ